Wongnai Elite Party “5 Year Anniversary” ที่ L’ATELIER de Joël Robuchon Bangkok
Wongnai Elite Party “5 Year Anniversary” เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมาก maamjourney ต้องขอขอบคุณที่ได้รับโอกาสพิเศษมากที่ได้ไปร่วมงานนี้ที่ลัตตาลิเย่ร์ เดอ โจเอล โรบูชอง L’ATELIER de Joël Robuchon Bangkok และขอแสดงความยินดีกับ Wongnai ครบรอบ 5 ปี ด้วย User ประมาณ 2 ล้าน สำหรับวันนี้เชิญ Elite User [mamminnie] มาชิมอาหารที่นี่ ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
ทำไมครั้งนี้ถึงจัด Wongnai Elite Party ที่นี่ ?
Wongnai Elite Party ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่พิเศษที่สุด เพราะเป็นการฉลองครบรอบ 5 ปีของ Wongnai อย่างเป็นทางการ Wongnai จึงตั้งใจพาสมาชิกระดับ Elite ผู้ที่ร่วมกันสร้างสรรค์แบ่งปันรีวิวดีๆ กันมาอย่างต่อเนื่องไปเปิดประสบการณ์รับประทานอาหารระดับ Michelin Star และร่วม party สนุกๆ เป็นการขอบคุณเหล่า “สุดยอดนักรีวิวบน Wongnai”
L’Atelier de Joël Robuchon หรือ “ห้องปฏิบัติการของ Joël Robuchon” เป็นร้านอาหารของเชฟ Joël Robuchon เจ้าของฉายา “เชฟแห่งศตวรรษ” ผู้ครอบครอง Michelin Star สูงถึง 25 ดวง โดย Joël Robuchon” ได้เปิดสาขาใหม่ล่าสุดเป็นลำดับที่ 9 ณ ตึกมหานครคิวบ์ ที่กรุงเทพมหานคร ภายใต้แนวคิด “ครัวเปิดสุด exclusive”
Michelin Star คืออะไร ?
Michelin Star คือ รางวัลที่ให้กับร้านอาหารทั่วโลก ไม่ว่าจะอเมริกา ยุโรป เอเชีย โดยร้านที่ได้รางวัลนั้นจะต้องมีความเลอค่า ทั้งด้านคุณภาพ เทคนิค ลักษณะเฉพาะตัวของอาหาร ความเสมอต้นเสมอปลายของรสชาติ การตกแต่งจาน บริการ ซึ่งแบ่งออกเป็นระดับตั้งแต่ 1 ถึง 3 ดาว และถือเอา 3 ดาว เป็นคะแนนสูงสุด การได้ไปทานอาหารที่ร้าน Michelin Star ถือเป็นสุดยอดประสบการณ์ด้านอาหารที่น่าลิ้มลองสุดๆ!
เสียดายวันนี้ Chef Olivier Limousin เชฟมิชลินสตาร์ 2 ดาว ซึ่งดำรงตำแหน่ง Executive Chef ของร้านลัตตาลิเย่ร์ เดอ โจเอล โรบูชอง กรุงเทพ วันนี้ไม่อยู่ไปฝรั่งเศส อยู่แต่ Chef Mark Vasseur ค่ะ ส่วนเรื่องอาหารคงไม่ต้องกล่าวถึงมาก เพราะแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ส่วนตัวชอบทุกเมนู งานวันนี้รู้สึกอบอุ่น เป็นกันเองมาก และอาหารมื้อพิเศษที่ไดัชิมวันนี้จะมี
House-made Breads
เมนูแรกที่ได้ชิมกันเป็นขนมปังโฮมเมดของทางร้านเอง ข่าวว่า Chef Mitsutane Chiba เชฟชาวญี่ปุ่น เป็นคนทำขนมปังซึ่งร้านจัดมาให้ถึง 6 แบบ 6 สไตล์ด้วยกัน มาทั้งแบบนิ่ม แบบกรอบ แบบแบกเกต เสิร์ฟมาเป็นตะกร้าให้ได้ลองทาน ลองทานทุกรสไม่ว่าจะเป็นรสหมึกดำ ชีส เบคอน รสชาติอร่อยทุกแบบเลยค่ะ ชอบครัวซองมากที่สุด
Pour Commencer
Chilled green kale veloute with spicy tomato jelly
Starter สตาร์ทเตอร์เมนูแรก ชอบจัง ตอนทานต้องทานพรัอมกันสองเลเยอร์นะคะ ชั้นล่างเป็นเจลลี่มะเขือเทศรสชาติเผ็ดนิด ๆ ชั้นล่างจะเป็นคะน้าใบหยิกหรือที่เรียกว่าผัก Green Kale Veloute ที่นำไปบดละเอียด เสิร์ฟมาในถ้วยเล็กน่ารัก ที่เก๋มากตรงที่ถาดรองการตกแต่งจานเป็นผัก Kale เลยค่ะ
Le King Crab
King crab and avocado roll on a delicate grapefruit
เมนูนี้มีรางวัล “2012 Sylvaner Rosenberg, Vieilles Vignes, Domaine Barmes-Buecher” การันตีความอร่อยด้วยค่ะ ชอบตรงที่เอาอะโวคาโด้มาทำสวย รสชาติลงตัว เนื้อปู King crab สดหวาน ห่อมาด้วยอะโวคาโดโรลและรองพื้นด้านล่างมาด้วยเจลลี่เกรปฟรุ๊ท ทานคู่กับเจลลี่ก็อร่อยเลยค่ะ แต่เพื่อนบางคนบอกว่าเจลลี่ขม แต่ของแหม่มรสชาติปกติค่ะ
La Cerise
Cherry gazpacho with ricotta cheese and roasted pistachio
Cherry gazpacho ซุปเชอรี่แกสพาโช่ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ Ricotta ชีส ตรงกลาง โรยด้วยพิทาซิโอ้ รสชาติก็ยังคงเน้นผักนำเช่นเคยแต่แหม่มทานแล้วรู้สึกสดชื่นมาก แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบทานผัก เมนูนี้คงดรอปไป
La Caille
Free range quail stuffed with foie gras served with potato puree and herb salad
เมนูนี้เป็นเมนคอร์สแล้วค่ะ อร่อยมากค่ะ ชอบมาก ตอนแรกไม่แน่ใจว่าคืออะไร น้องในโต๊ะบอกเป็นน่องนกกระทาย่างพร้อมกับเนื้ออีกชิ้นที่ยัดไส้มาด้วยฟัวกรา เสิร์ฟมาพร้อมกับ potato puree แล้วก็ herb salad สลัดสมุนไพร เมนูนี้ฟินมากเลยนะคะ เนื้อนกกระทานั้นนุ่มมากอร่อย ยิ่งส่วนที่ยัดไส้ฟัวกรานั้นยิ่งนุ่มอร่อย ละลายในปาก ตัว potato puree และมันบดเนื้อเนียนก็อร่อยจนต้องขอเพิ่ม ^__^ แบบไม่อายเพราะอร่อยจริง ๆ
Fleur Caramel
Caramel lightness, tangerine jelly and sorbet
เลอค่ามาก อร่อยมาก อยากทานอีก 555++ ในโต๊ะทุกคนลงความเห็นว่าชอบมาก เป็นคาราเมล lightness ที่อร่อยมากมีท็อปปิ้งเป็นช็อกโกแลตชุบทอง พร้อมกับผลไม้จำชื่อไม่ได้ รวมแล้วอร่อยมากมายเสิร์ฟมาพร้อมกับจานรองสีทองดูอลังการและเลอค่ามาก แต่แอบเห็นน้องที่นั่งด้านนอกเสิร์ฟถาดรองเป็นรูปมือที่สวยงามไอเดียดีจังเลยค่ะ
มีสั่งชามาดื่มแล้วตบท้ายด้วยช็อคโกแลตสีทอง กัดทีไส้ไหล หวาน ๆ หอม ๆ อร่อยดีค่ะ
บรรยากาศของร้านนี้นั้นหรูหราตกแต่งด้วยโทนสีดำแดง ด้านในร้านนั้นสวยมาก แต่ละที่นั่งนั้นก็มีอุปกรณ์ในการทานวางไว้ให้พร้อมสวยงาม มีการแบ่งโซนที่นั่งชัดเจน ที่นั่งของทางร้านมีทั้งหมดดังต่อไปนี้
The Counter – เป็นที่นั่งแบบบาร์ มีที่นั่งอยู่เยอะพอสมควร เก้าอี้นั้นนั่งสบาย แต่ละที่นั่งนั้นก็มีที่แขวนกระเป๋าไว้ให้พร้อม นั่งทานไปก็สามารถดูเชฟทำไปได้ด้วยเพลินเลยค่ะ
La Terrace – ที่นั่งโต๊ะด้านใน น่าจะจุได้ประมาณ 18-20 คน หากอยากได้โต๊ะส่วนตัวด้านในต้องเสียเงินเพิ่มประมาณ 2,000 บาท
Crystal Room – ห้องคริสตัลสำหรับลูกค้าจำนวน 4-5 ท่าน ห้องนี้จะจองได้ก็ต่อเมื่อมีการทานขั้นต่ำ 20,000 บาทสำหรับมื้อเที่ยง แล้วก็ 30,000 บาทสำหรับมื้อเย็น
Mahanakorn Room – ห้องนี้พิเศษสุดๆตรงที่ด้านข้างห้องนั้นจะเป็นวิวของตึกมหานคร ที่ระหว่างทานนั้นจะสามารถชมวิวที่ตั้งตระหง่านอย่างได้อย่างชัดเจนและสวยงาม ห้องนี้รองรับลูกค้าได้ถึง 6 ท่าน และจะทานได้ก็ต่อเมื่อมีการทานขั้นต่ำ 30,000 บาทสำหรับมื้อเที่ยง แล้วก็ 45,000 บาทสำหรับมื้อเย็น
และสอบถามพนักงานแจ้งว่าหากจะไปควรมีการโทรมาจองโต๊ะก่อนล่วงหน้านะคะ เพราะที่นั่งนั้นเต็มล่วงหน้าถึงสองอาทิตย์ด้วยกัน ไม่ใช่ Walk-in กันมาได้ง่ายๆ
สนนราคาเบา ๆ ช่วงกลางวัน ก็จะมี สำหรับ 3 courses ราคาเบาๆ ที่ 950++ บาท และ สำหรับ 5 courses ราคาเบาๆ ที่ 1,450++ บาท ซึ่งปกติแล้วราคา Tasting Menu สำหรับ 5 courses ราคาอยู่ที่ 5,000++ บาท ส่วนแบบ 7 courses ราคาอยู่ที่ 7,500++ บาท โดยเราสามารถเลือกเมนูที่อยากทานได้เองเลยจากเมนูของทางร้านเลยค่ะ ถ้าเพิ่ม wine pairing เข้ามาด้วยก็จ่ายเพิ่มอีกประมาณ 3,000-4,000 บาท วันนี้ Wongnai จัดให้ได้ลองทั้งไวน์ขาวและไวน์แดงของทางร้านด้วยคุณภาพดีเลยค่ะ จัดไปหลายแก้วอยู่นะ
ต้องขอบคุณในความตั้งใจของทีมงานวงใน Wongnai มากเลยค่ะ ที่เชิญพวกเรามาร่วมงาน Wongnai Elite Party “5 Year Anniversary” ที่ L’ATELIER de Joël Robuchon Bangkok ดื่มด่ำกับอาหารมื้ออร่อยที่ลัตตาลิเย่ร์ เดอ โจเอล โรบูชอง ที่หรูหราอลังการ สำหรับวงใจมีสโลแกนว่า “เพราะเรื่องกินเรื่องใหญ่”