โตเกียวทริป บินไกลสบายกับ Nokscoot ในราคาเบ๊าเบา
ญี่ปุ่นครั้งที่ 18 ของแหม่ม ทริปนี้ตั้งใจเที่ยวโตเกียวและรอบ ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ ล่าสุดมีโอกาสได้ลองใช้บริการของสายการบินนกสกู๊ต Nokscoot บินตรงจากดอนเมืองสู่นาริตะ ด้วยเครื่องบินรุ่น Boeing 777-200 ก็จัดว่าเวลาบินค่อนข้างดี แถมอยู่ในงบที่ตั้งไว้ ยังพอมีงบเอาไปเที่ยวต่อได้อีกหลายสถานจัดว่าคุ้มค่ะ เป็นทริปที่ดีต่อใจจริง ๆ
เช็กอินเสร็จก็ขอเข้าไปหาอะไรรองท้องกันก่อนค่ะ ครั้งนี้แวะใช้บริการ Miracle Lounge เพื่อนพามาค่ะ อิอิ ปกติใช้แต่ King Power เพราะเป็นเที่ยวบินดึกก็ต้องกินสักหน่อยจะได้พักผ่อนบนเครื่องยาว ๆ เลย
เที่ยวบิน ไป-กลับ ทริปนี้ของแหม่ม
ขาไป เที่ยวบิน XW102 (20kg) ดอนเมือง-นาริตะ เวลา 02.45-10.25 น.
ขากลับ เที่ยวบิน XW101 (20kg) นาริตะ-ดอนเมือง เวลา 13.55-19.10 น.
ทางไปจอง https://www.nokscoot.com/th/ หรือ https://www.nokscoot.com/th/best-deals-4/
แอบเสียดายที่จองที่นั่งแบบ ScootBiz และ ที่นั่งโซน Scoot in Silence ไม่ทัน แต่ขนาดที่นั่งธรรมดายังนั่งสบายเลยนะ ลืมความคิดที่ว่านั่งเครื่องโลว์คอสต์แล้วต้องเบียดอัดกันแบบที่เคยเจอไปได้เลยเพราะพื้นที่ระหว่างที่นั่งเหลือ ๆ ขาเหยียดได้สบาย ไม่อึดอัดด้วย ยิ่งริมทางเดินยิ่งสะดวก ส่วนอาหารไม่ได้สั่ง ไฟล์ทดึกก็ขอนอนยาวยันเช้าเลยค่ะ
ส่วนสถานที่เที่ยวโตเกียวและรอบ ๆ ที่ไหนบ้างในทริปนี้ ตามมาชมเลยค่ะ
วันแรก เมื่อไปถึงผ่าน ตม. ก็ตรงเข้าโตเกียวเพื่อเช็กอินและเก็บกระเป๋าที่โรงแรม Tokyo Ueno NEW Izu Hotel แล้วออกไปไหว้พระขอพรที่ Senjoji หรือที่เรียกกันว่าวัด Asakusa หลังจากนั้นก็ขึ้นไปศูนย์ท่องเที่ยวอาซาคุสะ พาเพื่อนไปชมวิวมุมสูงกันค่ะ ต่อด้วยเทศกาลดอกบ๊วยแถวอุเอโนะ ปิดทริปวันแรกลงแบบสบาย ๆ จะได้มีแรงเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้
วันที่ 2 เที่ยว GALA Yuzawa Snow Resort (JR TOKYO Wide Pass) ลานสกีที่ใกล้โตเกียว แค่ 1 ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงแล้ว มีกิจกรรมหลากหลายให้ได้เล่น ไม่ว่าจะเป็น สกี สโนว์บอร์ด ถาดเลื่อนหิมะ ฯลฯ เหมาะสำหรับคนอยากเจอหิมะ ฤดูกาลเล่นสกีประจำปี 2018-2019 กำหนดการตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2018 – 6 พฤษภาคม 2019 เวลาทำการ : วันธรรมดา 8.00-16.00 น. และวันหยุด 8.00-16.30 น.
การเดินทาง ใช้ JR TOKYO Wide Pass นั่งรถไฟ Shinkansen จากโตเกียว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ตลอดซีซั่น ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย
ต่อด้วยงานประดับไฟในฤดูหนาวค่ะ SAGAMIKO ILLUMILLION (さがみ湖イルミリオン) อยู่ที่ Sagamiko Resort Pleasure Forest in Sagami City, Kanagawa จัดว่าเป็นงานประดับไฟฤดูหนาวที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคันโตเลยค่ะ โดยงานจัดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2018 จนถึง 7 เมษายน 2019
การเดินทาง จากสถานี Shinjuku ขึ้นรถไฟด่วน สาย JR Chuo วิ่งตรงมาลงที่สถานี Sagamiko ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที (บางขบวนอาจต้องเปลี่ยนที่สถานี Takao) จากนั้นต่อรถบัสหน้าสถานี ที่ป้าย #1 นั่งไปลงที่ป้าย Pleasure Forest อีก 8 นาที ป้ายนี้คนลงเยอะมาก ** รถบัส ขากลับมีถึง 4 ทุ่มเลยค่ะ **
วันที่ 3 เที่ยว ♨ Takaragawa Onsen ♨ (JR TOKYO Wide Pass) แบบ one day ค่ะ ออนเซนอยู่ที่เมือง Minakami จังหวัด Gunma เป็นหนึ่งในเรียวกังที่มีออนเซนกลางธรรมชาติที่สวยงาม (สวยสุดๆ )
การเดินทาง โดยรถไฟแล้วต่อรถบัส รถไฟใช้ Tokyo Wide Pass ส่วนรถบัสแหม่มใช้ Minakami Area Pass 3 Days ราคา 2,000 เยน (เพราะต่อเที่ยวราคา 1,250 เยนแล้ว ไปกลับก็ 2,500 เยน) ** รถบัสไม่ได้วิ่งตรงไปที่ Takarakawa นะคะ **
วิธีการเดินทาง
-จองไปลงสถานี Jomo Kogen ขบวนไหนก็ได้ แต่ต้องไปก่อนเวลา 10.20 น. นะคะ
-ไปซื้อ Minakami Area Pass ตรง Information หรือ Minakami Tourism Association ก่อนค่ะ
-เวลา 10.20 น. ไปขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 1 หน้าสถานี
-ไปลงหน้าสถานี Minakami เพื่อเปลี่ยนรถบัสที่ไป Takaragawa Onsen ที่ป้ายหมายเลข 4 แล้วก็ลงจุดสุดท้ายที่ Takaragawa Onsen
-กลับเข้าโตเกียว หากไม่จองก็ขึ้นตู้ Non-Reserve เลยค่ะ
วันที่ 4 เที่ยว Kawazu Zakura Festival (JR TOKYO Wide Pass) ซากุระที่คาวาซึ ดอกซากุระสายพันธุ์ประจําท้องถิ่นที่ออกดอกเร็วว่าที่อื่น ๆ ในญี่ปุ่น ที่นี่แหม่มหมายมั่นปั้นมืออยากจะมาหลายปีแล้ว และครั้งนี้ก็สมใจอยากล่ะค่ะ โดยงานจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงต้นเดือนมีนาคมของทุกปี
การเดินทาง ใช้ JR TOKYO Wide Pass จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟ JR ขบวน Odoriko หรือ Super View Odoriko มาลงที่สถานี Kawazu รวดเดียวถึงเลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 35 นาที (ต้องจองตั๋วทั้งไปและกลับนะคะ)
ต่อด้วยซากุระที่บานสวย ๆ ที่ Matsuda Sakura Festival จุดไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่ คือ สามารถถ่ายรูปยอดภูเขาไฟฟูจิพร้อมกับดอกซากุระสีชมพูได้ด้วย (แต่แหม่มไปฝนใกล้ตก อดเลยค่า)
การเดินทาง (ใช้ Tokyo Wide Pass) จองไปลงสถานี Odawara ไปต่อรถไฟของ Odakyu ไปลงสถานี Shin-Matsuda (ต้องจ่ายเพิ่ม) ราคา 220 เยน/เที่ยว ออกสถานี North Exit ให้เดินมายังสถานี JR Matsuda เพื่อมาขึ้นรถบัสหน้าสถานี ค่ารถบัส ผู้ใหญ่ 150 เยน / เด็ก 80 เยน หรือใครฟิต ๆ จะเดินไปงานซากุระจากสถานีก็ได้ แต่งานนี้แหม่มและเพื่อนนั่งแท๊กซี่ค่ะ (หาร 4 คน ตกคนละ 210 เยนเอง)
และ 2 วันสุดท้ายก็จัดเที่ยวในโตเกียวกันค่ะ แต่จะเที่ยวแบบช้อปปิ้งและ Unseen นิดนึงนะ
– เที่ยวตามเส้นทางรถราง Tokyo Sakura Tram ใช้ One Day Pass ราคา 400 เยน
– เที่ยวแบบเรโทรย่าน Shibamata ใช้พาส Shitamachi Biyori Pass ราคา 500 เยน
– เที่ยวแหล่งช้อปปิ้งตามเส้นรถไฟใต้ดิน ใช้ Tokyo Metro Pass แบบ 24 ชั่วโมง ราคา 600 เยน
ได้เวลาต้องกลับกรุงเทพฯ แล้วค่ะ เที่ยวบิน 13.55 น. ก็นั่ง Skyliner จาก Ueno รอบ 10.00 น. มาเช็กอินเจอแถวยาวมาก แต่ก็จัดการเร็วมากเช่นกัน ยืนรอไม่นานก็ได้เข้าไปใน Gate ก็ช้อปปิ้งต่อ เที่ยวบินแหม่มนี้ไม่ได้สั่งอาหารเลยค่ะ แต่หากเพื่อน ๆ จะสั่งบนเครื่องก็สามารถสั่งล่วงหน้าได้นะคะ แต่หากไม่ล่วงหน้าก็จะมีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปังค่ะ
ได้เลขที่นั่ง 68K ฝั่งขวา ขากลับบินไปประมาณ 10 นาทีเจอแจ๊คพอตพิเศษสุด ๆ เห็นฟูจิซังด้วยค่า เป็นอะไรที่ฟินมาก ๆ ตอนแรกเห็นแต่เขาไกล ๆ นึกว่าจะไม่เห็นซะแล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่ได้เห็นค่ะ
สำหรับประสบการณ์กับ Nokscoot บินมาโตเกียวโดยรวมต้องบอกเลยว่า ดีเกินคาดมากสำหรับแหม่ม ที่นั่งสบาย ขาไม่ชิดด้านหน้า แถมไม่มีดีเลย์ และไม่เทผู้โดยสาร เดินทางถึงที่หมายปลอดภัยทั้งไปและกลับ ที่สำคัญคุณแอร์ดูแลดีมาก ๆ ทำให้ทริปโตเกียวของแหม่มครั้งนี้มีความสุข สนุกมากเลยค่ะ ครั้งหน้าก็อยากลองนั่งแบบ ScootBiz ราคาเบาขนาดนี้ดีต่อใจสุด ๆ ขอเก็บ Nokscoot ไว้ในใจอีกสายการบินจ้า และรอชมรีวิวแต่ละสถานที่ฉบับเต็มได้เร็ว ๆ นี้นะคะ ส่วนถ้าใครอยากจองตั๋วบินไปกับนกสกู๊ตบ้าง ติดตามโปรโมชั่นอัพเดทได้ที่เว็บไซต์ >> https://www.nokscoot.com/th/